แผนการรักษาแบบบูรณาการในปัจจุบัน คือ การผสานการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ากับการแพทย์ทางเลือก โดยเฉพาะการแพทย์แผนจีน
ซึ่งแพทย์แผนจีน มีประวัติความเป็นมาช้านาน ซึ่งจะเน้นการรักษาแบบองค์รวม โดยให้ความสำคัญกับการปรับสมดุลภายในร่างกายเป็นหลัก
ในศาสตร์ของแพทย์แผนจีน สัญญาณสุขภาพสามารถดูได้จากการสังเกตลักษณะเฉพาะของโรค ซึ่งจะมี 4 แบบ เช่น การดูสีหน้าและรูปร่าง การฟังเสียงพูด เสียหายใจและกลิ่น การซักถาม และการสัมผัสชีพจร (เหมือนในหนังจีน)
เมื่อทราบข้อมูลคร่าวๆแล้ว เรามาดูข้อมูลเชิงลึกกันค่ะ
แพทย์แผนจีน ต่างจากการรักษาแบบอื่นอย่างไร?
การรักษาแบบฉบับของแพทย์แผนจีนจะยึดหลักทฤษฎีแบบองค์รวม โดยถือว่าร่างกายของมนุษย์เป็นองค์รวมที่มีระบบต่างๆภาพในร่างกาย ที่จะทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น
ซึ่งจากทฤษฎีดังกล่าวก็สามารถนำไปสู่การตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอนดังนี้ ตรวจวินิจฉัยโรคแบบองค์รวม ด้วยการดู ถาม ฟังและการจับ เพื่อให้ทราบถึงอาการและสาเหตุของโรคอย่างชัดเจน
สรุปการวินิจฉัยและกำหนดวิธีการรักษา ซึ่งสามารถรักษาได้หลายวิธี แพทย์ก็จะสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วย ดำเนินการรักษา โดยวิธีที่นิยมใช้ตามแบบแพทย์แผนจีน คือ การฝังเข็ม การครอบแก้ว การกวาซา การนวดทุยหน่า (推拿) การเปิดตำรับยาจีน และการใช้โกศจุฬาลัมพา ซึ่งจะศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดของการรักษาแต่ละวิธี ตอนนี้เลยค่ะ
วิธีรักษาตามแบบแพทย์แผนจีน
สำหรับวิธีการรักษาตามแบบแพทย์แผนจีน สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 วิธี โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การฝังเข็ม (Acupuncture)
เป็นการรักษาโดยใช้เข็มปักลงไปตามจุดฝังเข็มของร่างกาย ซึ่งแพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญมาก เพราะจุดต่างๆ บนร่างกายของคนเราล้วนมีความสำคัญ หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจเกิดปัญหาหรือผลข้างเคียงได้
การรักษาด้วยการฝังเข็มก็ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แถมยังได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถรักษาโรคได้มากถึง 57 โรค เลยทีเดียวค่ะ
โดยแพทย์แผนปัจจุบันได้สรุปข้อดีของการฝังเข็มดังนี้
- กระตุ้นระบบประสาทให้หลั่งสารหลายชนิดในร่างกายออกมา ซึ่งสารส่วนใหญ่จะช่วยระงับอาการปวด และลดอาการอักเสบได้เป็นอย่างดี
- แก้ไขการไหลเวียนของเลือดและลมปราณที่ติดขัด ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและส่งผลให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปด้วย
- ช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้อาการปวดลดลงโดยไม่ต้องรับประทานยา
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น จึงสามารถต่อต้านโรคร้ายได้อย่างง่ายดายและป้องกันอาการเจ็บป่วยได้ดี
- ปรับภาวะความสมดุลของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย พร้อมเสริมสร้างระบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. การครอบแก้ว (Cupping Therapy)
การครอบแก้ว เป็นอีกหนึ่งการรักษาที่นิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด และกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งจะใช้ระบบความร้อนหรือการดูดอากาศออก โดยนำแก้วมาครอบกดลงไปบนผิวจนผิวหนังถูกดูดเข้าไปในแก้ว
ซึ่งหลังจากการครอบ ผิวอาจดูคล้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปรกติ คนไข้ไม่ต้องเป็นกังวลเลย เพราะแค่ประมาณ 5-7 วัน รอยคล้ำดังกล่าวจะค่อยๆ จางหายไปเอง
นอกจากนี้การครอบแก้วตามแบบแพทย์แผนจีนก็สามารถใช้เพื่อเสริมความงามได้อีกด้วย โดยจะทำให้ผิวพรรณมีความเปล่งปลั่ง สดใสและดูมีเลือดฝาดนั่นเอง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพผิวทั้งของผู้หญิงและผู้ชายค่ะ
3. กัวซา
การกัวซาเป็นการรักษาแบบบำบัดด้วยการขูดผิวหนัง โดยจะใช้เขาสัตว์หรือหยกในการขูดเพื่อขับพิษออกไปจากร่างกาย
การรักษาวิธีนี้มีประโยชน์เด่นๆ ดังนี้ค่ะ
- ขยายรูขุมขนให้เปิดกว้างทำให้สารพิษถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อได้ง่ายขึ้น
- สามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าพร้อมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้ดี
- ฟื้นฟูระบบภูมิต้านทานโรคให้มีความแข็งแรง พร้อมป้องกันและขับโรคร้ายออกจากร่างกาย
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยและชาตามร่างกาย
- ลดอาการปวดหัวตัวร้อนโดยเฉพาะในคนที่เป็นไข้หวัด
- กระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตภายใต้ผิวหนัง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
อยากฝากไว้นิดหนึ่งว่า หลังการรักษาผิวหนังอาจมีรอยแดงคล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติค่ะ เพราะร่างกายเราจะซ่อมแซมและจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 7 วัน
รู้ไหมค่ะว่า กัวซาวก็สามารถทำกับใบหน้าเพื่อให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ ลดรอยเหี่ยวย่นได้ดีอีกด้วย เพราะเป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวนั่นเองค่ะ
4. การเปิดตำรับยาจีน
การเปิดตำรับยาจีน เป็นการรักษาโรคโดยการใช้ยาจากตำรับยาจีน โดยแพทย์จะสอบถามอาการของผู้ป่วย จากนั้นจึงเลือกตัวยาที่มีคุณสมบัติในการรักษาตามอาการและความต้องการของแต่ละบุคคล ถ้าพูดง่ายๆคือเป็นการรักษาตามสาเหตุและอาการของโรคนั่นเองค่ะ
ซึ่งอาจมีการใช้ยาหลายๆ ตัวที่มีสรรพคุณคล้ายกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรักษาให้ง่ายและหายเร็วขึ้น โดยส่วนใหญ่ยาที่นำมาเข้าตำรับแล้วจะออกมาในรูปของ ยาต้ม ยาแคปซูล ยาผง และยาเม็ดลูกกลอนค่ะ ซึ่งหมอเชื่อว่าคนไทยเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
5. การนวดทุยหน่า
การนวดทุยหน่าจะต่างกับการนวดทั่วไป ซึ่งเป็นการนวดตามศาสตร์ของแพทย์แผนจีน ที่จะใช้วิธีการนวดที่มีทักษะและเทคนิคที่ต้องมีความแม่นยำและหมอต้องมีประสบการณ์
การนวดทุยหน่าจะนิยมใช้เพื่อการบำรุงสุขภาพ การบำรุงกระเพาะอาหาร และเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกาย แถมยังช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นพร้อมเสริมให้เอ็นและไขข้อมีความแข็งแรงด้วย ซึ่งจะเหมาะกับคนออกกำลังกาย และคนที่มีปัญหากับการเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นต้นค่ะ
6. โกฐจุฬาลัมพา
โกฐจุฬาลัมพา เป็นการรักษาโดยการรมด้วยโกฐจุฬาลัมพา ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาโรคและสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้แพทย์แผนจีนมีความเชื่อว่า วิธีนี้จะทำให้มีอายุวัฒนะได้อีกด้วย สำหรับวิธีการรมจะใช้ความร้อนรมบริเวณจุดฟังเข็มและจุดต่างๆ ของร่างกายที่ต้องการ ออกฤทธิ์โดยน้ำมันหอมระเหยจากแท่งโกศจุฬาลัมพาค่ะ
แพทย์แผนจีนเป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก ซึ่งหลายคนคุ้นเคยแต่อาจจะไม่เคยได้สัมผัสและมีประสบการณ์ตรง จนอาจจะดูเหมือนเป็นวิธีการรักษาที่เหลือเชื่อและไม่น่าใช้รักษาโรคได้ แต่จากการศึกษางานวิจัยและการออกมายืนยันจากองค์กรระดับโลก ทำให้เราได้รู้และพิสูจน์มาแล้วว่า การรักษาตามแบบแพทย์แผนจีนสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้จริง ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ เราจะเห็นว่าแพทย์แผนจีนจึงมีความแพร่หลายมากโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
สถาบันสุขภาพองค์รวมเพื่อการขะลอวัยดร.อรวรรณนั้นเน้นการแพทย์บูรณาการที่ผสานแนวการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ากับแผนจีนอย่างกลมกลืน ทำให้จับต้องได้และเกิดประสิทธิผลในการบำบัดที่ชัดเจนรวดเร็วกว่าเดิม เช่น
- การตรวจพลังชีวิตด้วยคลื่นควันตั้ม ร่วมกับการจับชีพจรเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัย
- การใช้เลเซอร์ใยแก้วแทนเข็ม ช่วยให้เกิดผลลัพท์มากขึ้นหลายเท่าจากพลังบำบัดของเลเซอร์ร่วมกับจุดฝังเข็ม เพื่อกระตุ้นลมปราณและการหลั่งสารสำคัญในการบำบัดโรค
- การฉีดยาน้ำวิตามิน สารอาหาร หรือสเต็มเซลล์ตามจุดฝังเข็ม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิผลของการบำบัดโดยใช้ปริมาณยาที่น้อยกว่าเดิมมากกว่า 4 เท่า ใช้ในการฟื้นฟูบำรุงสุขภาพและความงามจากภายใน
- การใช้ไหมละลายทดแทนการฝังเข็มในการบำบัดโรคเรื้อรังเพื่อประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิผล ทั้งสามารถประยุกต์ใช้ในการลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน และผิวที่หย่อนคล้อยได้ผลดีและปลอดภัยด้วยค่ะ
ณ สถาบันสุขภาพองค์รวมเพื่อการชะลอวัย ดร.อรวรรณ (Dr. Orawan Holistic & Anti-aging Institute) สามารถช่วยแก้ไขและตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพและความงามของท่านได้โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งแผนปัจจุบันและแผนทางเลือกหลายแขนง โดยเฉพาะแพทย์แผนจีนด้วยค่ะ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share ด้วยนะค่ะ