fbpx

โรคด่างขาว (Vitiligo) เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรให้หาย?

โรคด่างขาว (Vitiligo) เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรให้หาย?

พฤษภาคม 3, 2019
โรคด่างขาว

ใครที่เป็นโรคด่างขาวมาเป็นเวลานาน รักษาอย่างไรก็ไม่หายสักที อย่าเพิ่งท้อและหมดหวังนะคะ ลองอ่านบทความนี้ค่ะ

โรคด่างขาว เป็นโรคที่เป็นกันได้ทุกคน และพอเกิดขึ้นแล้ว หลายคนก็ขาดความมั่นใจ มีความท้อแท้สิ้นหวัง จนไม่ค่อยกล้าเข้าสังคม ไม่ค่อยออกไปเจอเพื่อนๆ หรือถ่ายรูปลงโซเชียล

ก่อนที่จะหมดหวังและกำลังใจ หมอแนะนำให้ดูวีดีโอ หรืออ่านบทความนี้ก่อนค่ะ เพราะหมอได้ทำการรักษาโรคด่างขาวมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี และทุกเคสก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เรามารู้จักโรคด่างขาวกันก่อนค่ะ

โรคด่างขาว (Vitiligo) คืออะไรและเกิดจากอะไร?

โรคด่างขาว คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเซลล์ที่สร้างสีผิว (เมลานิน) หายไปโดยการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดทำให้ผิวเป็นดวงขาวๆขึ้น ซึ่งถ้ามือข้างหนึ่งเป็นมืออีกข้างหนึ่งก็มักจะเป็นเหมือนกัน (Symmetry)

โดยปกติเซลล์ผิวหนังทุก 3-5 เซลล์ จะมีเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) 1 เซลล์ เพื่อสร้างเม็ดสีขึ้นมาปกป้องผิวหนัง เมื่อโดนแสง UV ผิวก็จะออกสีน้ำตาล (สีแทน) หรือคล้ำไปเลย แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ค่อยเจอแดด เซลล์สร้างเม็ดสีก็จะสร้างสีน้อยลง ผิวเราก็จะไม่คล้ำค่ะ

ตรงผิวที่เป็นโรคด่างขาว เมื่อเรานำชิ้นเนื้อไปตรวจจะไม่พบเซลล์สร้างเม็ดเม็ดสีเลยหรือหายไปเลย ทางการแพทย์พบความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมร่วมกับ โรคเบาหวาน หรือโรคของต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland)ใน

การวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุ หมอจะขอตรวจเลือดเพื่อหาความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือไทรอยด์ด้วย เพื่อการรักษาไปพร้อมกัน

ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาการปัจจุบันพบว่าอาการด่างขาวเป็นการแสดงถึงความไม่สมดุลของระบบในร่างกาย กว่า 70% ของผู้ป่วยโรคด่างขาว มีความสัมพันธ์กับการแพ้สารอาหารชนิดแอบแฝง โดยร่างกายจะสร้างภูมิต่อต้านสารอาหารบางชนิด ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อร่างกาย ก่อโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ เช่น ด่างขาว

ในการตรวจภูมิแพ้สารอาหารแอบแฝง (Ig G Food Intolerance Test) นั้น เพียงเจาะเลือดส่งตรวจทางพยาธิก็สามารถทราบผลได้ภายใน 3 วัน โดยไม่ต้องอดอาหารก่อนมาเจาะเลือด โดยความร่วมมือกับแลบของมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (Cambridge University) ประเทศอังกฤษ

ได้ผลแลบออกมาเป็นแบบที่คนไข้เข้าใจง่าย เป็นชุดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ โดยมีการจัดอาหารให้เป็นหมวดหมู่ และแสดงค่าการแพ้รายการอาหารที่มีค่าเป็น 0 (ศูนย์) ก็คือรายการอาหารที่ไม่มีการสร้างสารต่อต้าน (=ศูนย์)

แต่ถ้ามีค่าการต่อต้านเกิน 30 ขึ้นไป อาหารเหล่านั้นก็จะจัดไปอยู่ในหมวดหมู่สีแดง ยิ่งเรารับประทานอาหารที่ร่างกายต่อต้านมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะหลั่งภูมิต่อต้านกับอาหารมากขึ้นเท่านั้น และปัญหาสุขภาพต่างๆก็จะตามมามาก ขึ้นอยู่กับว่าสารต่อต้านนี้จะไปมีผลที่อวัยวะใด ทำให้เกิดปัญหาขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไปอยู่ที่รากผมก็ทำให้ผมร่วง ถ้าไปอยู่ในสมองก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะหรือความจำเสื่อมได้ และถ้าเกิดที่ผิวหนังก็อาจจะทำให้เกิดโรคผิวหนังที่ไม่รู้สาเหตุ เช่น ด่างขาว หรือ สะเก็ดเงิน ได้นั่นเอง

วิธีรักษาก็ง่ายมากค่ะ เพียงงดรับประทานอาหารที่ร่างกายต่อต้าน แค่ 3-6 เดือนเท่านั้น อาการของโรคต่างๆนั้นจะดีขึ้นหรือหายขาดได้ด้วยการหยุดรับประทานอาหารที่ร่างกายต่อต้านให้ได้ถึง 6 เดือน ภูมิต้านทานนั้นก็จะหายไปจากระบบของร่างกาย และควรตรวจซ้ำใหม่หลัง 6 เดือน เพื่อความแน่ใจว่าไม่มีภูมิต่อต้านสารนั้นแล้ว ก็จะสามารถกลับมาเริ่มทานอาหารนั้นได้ โดยเริ่มจากปริมาณที่น้อยๆก่อน

โดยสรุป มากกว่า 70% ของโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ เช่น โรคด่างขาว เกิดจากอาหารที่ร่างกายเราสร้างภูมิต่อต้านขึ้น ซึ่งจะทราบได้โดยการเจาะเลือดตรวจและวิธีรักษาก็ง่าย เห็นผล เพราะตรงจุด

คนไข้ด่างขาวที่เป็นมานานหลายปีหรือเป็นมากแล้วควรรักษาอย่างไร?

ในกรณีที่คนไข้เป็นด่างขาวมาเป็นเวลาหลายปี หรืออาจจะมีการลุกลามไปตามผิวส่วนต่างๆของร่างกาย จากประสบการณ์มากกว่า 30 ปี หมอพบว่า การใช้แนวทางการผสมผสานของแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก จะให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด

โดยโรคด่างขาวจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

ชนิดแรก คือ ด่างขาวที่เกิดกับผิวภายในร่มผ้าหรือในร่างกาย ด่างขาวชนิดนี้จะรักษาหายเร็วกว่า ด่างขาวชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นที่ปลายมือปลายเท้าและตามใบหน้า ซึ่งมักเป็นมานานและต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1/3 ของระยะเวลาที่เป็นโรคมา

ซึ่งการรักษาโรคด่างขาวชนิดที่ 2 นี้ จะยากมาก จนแพทย์ผิวหนังทั่วไปจะบอกคนไข้ว่า “ไม่หายไม่ต้องรักษาหรอก” หรือ ”หายยากมาก

แต่ถ้าใช้ศาสตร์การแพทย์แบบบูรณาการ จะทำได้ผลการรักษาดีและเร็วขึ้นโดยต้องสืบหาสาเหตุให้ได้ก่อน เช่น การตรวจหาภูมิต้านทานต่ออาหาร แล้วจึงรักษาโดยปรับสมดุลของร่างกาย เช่น การฝังเข็ม เพื่อปรับสมดุลย์และเพิ่มพลังลมปราณให้ไหลเวียนสะดวก

ร่วมกับการใช้แสงนวัตกรรมทางการแพทย์ผิวหนัง เช่น EXCIMER หรือ เลเซอร์เย็น (Low Level Laser) ร่วมกับคลื่นควันตั้มและสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ตรีผลา สาหร่ายจากทะเลน้ำลึกและงาดำ เป็นต้น เพื่อลดอาการอักเสบ โดยเชื่อว่าเกิดการอักเสบที่ผิวหนังทำให้มีการทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี จนเกิดโรคด่างขาวได้

ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติก็มีทั้งแบบฉีด แบบรับประทาน และแบบทาด้วย หมอไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroids ) เพราะผลข้างเคียงที่ตามมา คือ สเตียรอยด์จะทำให้ผิวบาง เกิดสิว ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย มีขนดกขึ้นตรงบริเวณที่ทา

ยิ่งคนไข้ที่เป็นด่างขาวในบริเวณกว้าง การใช้ยาสเตียรอยด์มากๆจะมีผลกดต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) ที่มีหน้าที่ผลิตออร์โมนสำคัญๆของร่างกายและทำการกดภูมิต้านทานได้

โรคด่างขาว เกิดขึ้นกับใครมากที่สุด ผู้หญิงหรือผู้ชาย?

โรคด่างขาวไม่เลือกเพศและอายุเพราะหมอมีคนไข้ทั้งเด็กนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคนที่มีอายุมากแล้ว ทั้งชายและหญิง

แม้ว่าโรคด่างขาวไม่เป็นอันตรายและไม่ติดต่อแต่ทำให้คนไข้เสียความมั่นใจ ทำให้ผิวส่วนนั้นเหี่ยวย่นและดูแก่ก่อนวัย ทั้งยังเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer) ได้

หลายคนคงรู้จัก Michael Jackson ราชาเพลงป๊อปชื่อดังซึ่งเป็นคนผิวสีที่เป็นโรคด่างขาว และก็ได้ทำการรักษาโดยการกำจัดเซลล์สร้างเม็ดสีออกไปแทนที่จะรักษาด่างขาว ทำให้ Michael ที่เคยเป็นคนผิวสีกลายมาเป็นคนผิวขาวแต่ข้อเสียของการกำจัดเซลล์สร้างเม็ดสี คือ ผิวจะไวต่อแสงแดด เหงื่อจะออกเยอะกว่าปกติ เพราะต้องปรับอุณหภูมิตลอดเวลา จึงทำให้เป็นลมง่าย และร่างกายอ่อนแอจากการเสียเหงื่อและความร้อน

โรคด่างขาว รักษาให้หายขาดได้ไหม?

เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด 100% จึงยังไม่พบวิธีรักษาให้หายขาด

การรักษาแนวทางแพทย์แผนปัจจุบัน มักจะแนะนำให้ผู้ป่วยทายาสเตียรอยด์ ให้ฉายแสง UV เพื่อช่วยกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้กลับมาได้ โดยคนไข้ต้องเซ็นรับทราบ/ยินยอมก่อนการบำบัดด้วยแสง UV ว่าจะทำให้ผิวบริเวณนั้นเหี่ยวย่นและดูแก่กว่าวัย เสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและเกิดตาต้อกระจกได้ง่าย ซึ่งหมอคิดว่าเป็นความเสี่ยงที่คนไข้ไม่ควรจะได้รับเลย

ในขณะเดียวกันวิธีรักษาแบบแพทย์บูรณาการ ที่มีใช้การฝังเข็มร่วมกับ EXCIMER/Lower Level Laser คลื่นควันตั้มและใช้สารสกัดจากธรรมชาติ จะได้ผลดีและปลอดภัยกว่า

การปลูกถ่ายเซลล์สร้างเม็ดสี ช่วยรักษาด่างขาวได้ไหม?

มีการศึกษาการปลูกถ่ายเซลล์สร้างเม็ดสีว่าสามารถทำได้โดยการใช้ถ้วยสุญญากาศดูดผิวขึ้นมาให้พอง แล้วตัดส่วนที่พองขึ้นมาไปปลูกถ่ายส่วนที่เป็นด่างขาวนั้น เป็นหัตถการที่ยุ่งยาก เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการเกิดแผลเป็น

การรักษาแบบการแพทย์บูรณาการนั้นยังสามารถใช้ร่วมกับ โฮเมโอพาธี (Homeopathy) ซึ่งเป็นการรักษาแบบให้พลังชีวิตแผนยุโรป โดยอาจใช้ร่วมกับการฝังเข็มที่จุดเฉพาะพลังปอด ที่มีความสัมพันธ์กับผิวหนังโดยตรง

ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนนั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับผิวหนัง คือ พลังจากปอด เพราะเป็นเส้นลมปราณเดียวกัน พบว่าคนที่สุขภาพผิวดีและแข็งแรง มักจะเป็นคนตื่นเช้า ขยันออกกำลังกาย และนั่งสมาธิ มีจิตคิดบวก แจ่มใส เพราะพลังปอดจะดีที่สุดหากฝึกคิดบวกกับทุกสถานการณ์ โดยเข้าใจข้อดีของทุกสถานการณ์ว่าเป็นบทเรียนที่ดีต่อชีวิต

ขอบคุณที่ช่วยแชร์ข้อมูลดีๆจากสถาบันสุขภาพผิวและการชะลอวัยแบบองค์รวม ดร. อรวรรณนะค่ะ สนใจปรึกษาโรคผิวหนังและการชะลอวัย ติดต่อได้ที่
สาขาสุขุมวิท 02-6614431
สาขาภูเก็ต 076-377679

Add a comment

*Please complete all fields correctly

Related Blogs/บทความที่น่าสนใจ

Posted by Dr. Orawan | ธันวาคม 20, 2022
ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือช่วงที่ความมั่นใจในตัวเองพุ่งถึงขีดสูงสุด
ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือช่ว...
Posted by Dr. Orawan | ธันวาคม 20, 2022
โทษของการนั่งนานๆ
โทษของการนั่งนานๆ 💥นศ....
Posted by Dr. Orawan | ธันวาคม 20, 2022
พลังจิตรักษามะเร็งได้ไหม
พลังจิตรักษามะเร็งได้ไหม “ฝรั่...