fbpx

โรคซึมเศร้า คืออะไร และรักษาอย่างไร?

โรคซึมเศร้า คืออะไร และรักษาอย่างไร?

เมษายน 19, 2019

“สู้ๆนะ” “อดทนไว้นะ” “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่เราได้ยินมาจนชิน แต่เราหารู้ไม่ว่า คนที่เสี่ยงหรือกำลังเป็นโรคซึมเศร้านั้น ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย

โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มาเหมือนภัยเงียบ เพราะหลายคนเป็นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะคนที่มีอายุที่มีปัญหาเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องเงิน ความสัมพันธ์กับครอบครัว และสุขภาพที่แย่ลง ตอนหลังเด็กวัยรุ่นก็เป็นโรคเครียดกันมากขึ้น จนมีผลต่อการเรียน ชอบใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา และบางรายก็อาจจะถึงฆ่าตัวตายได้เลย

วันนี้หมอจะมาอธิบายเรื่องที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า เพื่อที่เราจะได้รู้วิธีป้องกันและวิธีรักษาที่เหมาะสมและถูกต้อง คะ

โรคซึมเศร้า (Depression) และความเครียด (Stress) ต่างกันอย่างไร?

คำตอบ คือ ถ้าเรามีความเครียดส่วนใหญ่จะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรานอนไม่หลับ ไม่มีสติหรือสมาธิ รู้สึกเป็นกังวล อารมณ์เสีย เบื่อหรือกินอาหารไม่อร่อย และไม่มีแรงหรืออารมณ์จะทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น

“ยาแก้เครียด” ที่มีขายอยู่ทั่วไปอาจจะมีผลข้างเคียงสำหรับหลายคน หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อยามากินทุกครั้ง

วิธีแก้เครียดที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นการเข้าร่วมหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เราหายเครียด เช่น ไปดูตลก ออกกำลังกาย เต้นและร้องเพลงคาราโอเกะ เป็นต้น

ส่วนโรคซึมเศร้า (Depression) จะเป็นเรื่องระยะยาว โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ต้องเข้ารับการรักษา และการรักษาในรูปแบบใหม่ เช่น การใช้อาหารเสริม และแพทย์ทางเลือก เช่น Homeopathy ซึ่งเป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลกสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มักจะมีความคิดด้านลบ จินตนาการเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เศร้า เครียด หรือกลัว เพเราะสารเคมีในสมองมีความผิดปกติ

อาการเบื้องต้นที่คนรอบข้างต้องสังเกต มีดังนี้ (อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นติดต่อกันอย่างน้อย 2 อาทิตย์)

• ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ชอบโทษตัวเอง
• คิดลบตลอดเวลา สิ้นหวัง และมีอาการซึมเศร้า
• เลิกทำกิจกรรมที่เคยชอบมาก
• เหนื่อยงาย นอนน้อยและนอนไม่หลับ
• บางรายก็นอนติดเตียง
• จำอะไรไม่ค่อยได้
• มีความก้าวร้าวมากขึ้น
• มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย

โรคซึมเศร้าควรรักษาอย่างไรดี?

มีตัวยาแผนปัจจุบันหลายตัวที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกันดี เช่น ยากลุ่ม TCAs (Tricyclic Antidepressants) และ SSRIs (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) ซึ่งยา 2 ชนิดนี้มีผลข้างเคียงได้ เราต้องระวังและต้องพบจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสอบถามให้ละเอียดก่อนที่จะใช้ยา 2 ชนิดนี้ ถึงผลข้างเคียงต่างๆ

นอกจากการใช้ยาแล้ว คนไข้ก็ควรที่เรียนรู้ที่จะประคองจิตใจให้เข้มแข็งให้กลับมาเป็นปกติด้วย เพราะกำลังใจในตัวคนไข้จะช่วยให้หายเร็วขึ้นกว่ายาที่กิน

วิธีรักษาต่อมา คือ การเข้าคอร์ส Retreat หรือการบำบัดที่ใช้เทคนิคต่างๆ เช่น ดนตรีบำบัดการนั่งสมาธิ การออกกำลังกาย และการเรียนรู้การกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นต้น

ท้ายสุด วิธีที่จะช่วยได้ปลอดภัยและประสบความสำเร็จสูงคือ การใช้ Homeopathy หรือตำรับการแพทย์ทางเลือก ที่มีต้นตำรับมาจากประเทศเยอรมัน โฮมีโอพาธี เป็นการรักษาแบบ Like cures like ด้วยพลังงานบำบัดที่ออกฤทธิคล้ายกับโรคที่เป็น เราจะใช้สารสกัดจากธรรมชาติในปริมาณที่น้อยมากด้วยเทคนิคของการแพทย์โฮมีโอพาธี

ร่วมกับการแก้ที่สาเหตุ คือ ความคิดให้ตกผลึกเข้าใจปัญหาปลดล็อคให้อภัยปลดปล่อยและคิดบวก ได้มาเหนี่ยวนำพลังชีวิตให้ขึ้นมารักษาตัวเองได้ในที่สุดคะ ซึ่งสามารถฝึกฝนและบำบัดกับผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันได้คะ

นอกจากนี้เรามีจัดโปรแกรมรีทรีท Mindfulness ด้วยดนตรีบำบัดทุกเดือนๆละครั้งๆละ3วันที่สาขาภูเก็ตที่จะช่วยให้จิตเป็นสุขเป็นนายและกายเป็นบ่าวได้สำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งยาเคมีคะ

สามารถนัดมารับคำปรึกษาที่สถาบันสุขภาพผิวหนังและการแพทย์ชะลอวัยดร.อรวรรณได้ที่
สาขาสุขุมวิท 02-6614431
สาขาภูเก็ต 076-377679
นัดหมายด้วยตนเองที่ สาขา BTS ชิดลม

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์และช่วยผู้ที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าได้ ช่วยกัน Share ด้วยนะค่ะ

Photo: Freepik

Add a comment

*Please complete all fields correctly

Related Blogs/บทความที่น่าสนใจ

7 habits of emotionally intelligent person
Posted by Dr. Orawan | พฤษภาคม 21, 2021
นิสัย 7 ประการของผู้ฉลาดทางอารมณ์
กล่าวโดยสรุป ผู้ที่มีความฉลาดท...
what is probiotic
Posted by Dr. Orawan | พฤษภาคม 21, 2021
Probiotics คืออะไร? สุขภาพดี…เริ่มต้นที่ลำไส้
การที่จะทำให้ลำไส้ของเราแข็งแร...
โรคเบาหวาน ความดัน
Posted by Dr. Orawan | พฤษภาคม 21, 2021
แอบฟังเซลล์ในร่างกายคุย(บ่น)กัน
แอบฟังเซลล์ในร่างกายคุย(บ่น)กั...