ชีวิตนี้เหมือนของเล่นนะ
แต่มันมาไวไปไว
มานิดเดียวตายแล้ว
จึงควรเพียรให้เห็นของจริง
คือเกิดมาชาติเดียว
ก็อย่าให้ตาบอด อย่าให้หูหนวก
เวลามีเสียงกู่เสียงเรียก
ของพระอริยเจ้าทั้งหลาย
เราก็สนใจปฏิบัติเอา
เราจะอยู่ในโลกในความมืด
หรือความสว่างก็เลือกเอา
เราอย่าเชื่อทุกอย่างที่เราเห็น
เพราะสิ่งที่เราเห็นทุกอย่าง
เป็นสิ่งสมมุติเฉยๆ
อย่าคิดว่าเราไม่มีเวลา
แสวงหาสัจจธรรมนี้
เวลามีเท่ากันนะ
ที่เกิดมานี้ได้ 24 ชม เท่ากัน
คนไหนฉลาดก็แสวงหาได้2อย่าง
เกิดมาได้สมบัติทางโลกด้วย
โลกียสมบัติได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
อันนี้ก็จะแสดงว่
โลกียสมบัติถ้าเราไม่มีศีลไม่มี
อริยสมบัติคือสัจธรรมหรือศีล สมาธิ ปัญญา
การแสวงหาก็ไม่ได้ไปแสวงหาที่
หาที่ตัวเราเองนะ
ในตัวเรามันมีอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าเราเอาความคิ
ปกปิดจนกระทั่งว่า
เราเห็นร่างกายสังขารมันเป็นตั
ทั้งนี้ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ
มันจะติดเราจนตายเลย
เหมือนมันทำงานได้ผลมากั
ตั้งแต่เกิดเป็นมนุษย์มา
จนกระทั่งสองพันหกร้อยกว่าปีที่
พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วบอกข่
ธรรมชาติทุกอย่างคือธรรมชาติ
แต่จิตที่มันจะรับรู้อย่างนั้
มันต้องผ่านระบบการซักฟอก
ฝึกฝนปฏิบัติล้างใจตัวเอง
ออกให้หมดก่อน
ล้างความเห็นผิด
ล้างอุปาทานทั้งหลาย
ชีวิตมันจึงจะกลับคืนมา
เป็นภาวะปกติได้
หลวงตาสุริยา มหาปัญโญ