น้ำมันในท้องตลาดมีหลากหลายรูปแบบนะคะ ทั้งน้ำมันสัตว์ น้ำมันพืช ไหนจะแยกไปเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันอื่นๆ อีกสารพัด แล้วสรุปว่าน้ำมันไหนดีที่สุดกันล่ะ เรามาดูกันคะ
น้ำมันในท้องตลาดนั้นจะประกอบด้วยกรดไขมันหลักๆอยู่2ชนิดค่ะ กรดไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวกรดไขมันอิ่มตัวจะมีคุณสมบัติเป็นไขได้ง่ายและมีกลิ่นหืนได้ง่ายค่ะ การบริโภคกรดไขมันอิ่มตัวมากๆนั้นไม่ดี เพราะเมื่อบริโภคมากๆเข้าจะเกิดการสะสมในเซลล์ไขมันได้ง่าย ทำให้เกิดโรคอ้วน โรคไขมันพอกตับ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองนั่นเอง
ส่วนกรดไขมันไม่อิ่มตัวนั้นจะมีคุณสมบัติตรงข้ามกันกับกรดไขมันอิ่มตัวค่ะ คือไม่เป็นไขแม้จะแช่ตู้เย็น ไม่มีกลิ่นหืน แต่จะเกิดกลิ่นเหม็นหืนภายหลังจากการนำไปประกอบอาหารคะ เพราะกรดไขมันไม่อิ่มตัวจะเกิดปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนนั่นเอง โดยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเนี่ยสามารถข่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีได้ด้วยนะคะ ลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ดังนั้นจึงเป็นไขมันที่ควรทานในชีวิตประจำวันค่ะ
หลังจากที่อ่านมาเราคงเลือกที่จะบริโภคกรดไขมันไม่อิ่มตัวกันเพราะเห็นคุณประโยชน์กันแล้ว
แต่ในความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ดีเสมอไปนะคะ เพราะจริงๆสิ่งสำคัญที่เราควรคำนึงถึงที่สุดคือเรื่องความร้อนที่ใช้ประกอบอาหารค่ะ อย่างการผัดหรือใช้ราดสลัดนั้นสามารถเลือกใช้น้ำมันได้แทบทุกประเภทเพราะเราไม่ได้ใช้ความร้อนสูงค่ะ แต่ในกรณีที่ต้องใช้ความร้อนสูงอย่างการทอดนั้น การใช้น้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวจะทำให้เกิดควัน น้ำมันเหม็นหืน และเกิดความหนืด ซึ่งหมายถึงอนุมูลอิสระคะ น้ำมันที่เหมาะกับการทอดจึงกลายเป็นน้ำมันชนิดที่มีจุดเดือดสูงกว่า106องศาคะ เช่น นำ้มันถั่วลิสงที่มีจุดเดือดถึง276องศาเซลเซียส นำ้มันอโวกาโด้มีจุดเดือดที่250องศา นำ้มันงาที่400 องศาเป็นต้น ดังนั้นเราต้องเลือกน้ำมันให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งานนะคะ เรามาดูกันดีค่ะว่าน้ำมันที่เป็นที่นิยมในท้องตลาดเป็นแบบไหนกันบ้าง
น้ำมันที่นิยมใช้ปรุงอาหารในปัจจุบัน
- น้ำมันมะกอก
เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากที่สุด มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ลดรอยเหี่ยวย่นได้ น้ำมันมะกอกเกิดควันได้ง่าย จึงไม่เหมาะกับการปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อน นิยมนำมาทำเป็นน้ำสลัด หรือเป็นส่วนประกอบของน้ำสลัด อุณพภูมิในการประกอบอาหารต้องไม่เกิน60องศาเซลเซียสคะ จึงเหมาะในการราดบนอาหารมากกว่าการผัดหรือทอด ข้อเสียคือมีราคาแพงและมีกลิ่นค่อนข้างฉุน - น้ำมันถั่วเหลือง,น้ำมันเมล็ดทานตะวัน,น้ำมันข้าวโพด
มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง ไม่เป็นไขที่อุณหภูมิต่ำ แต่ถ้าผ่านความร้อนอุณหภูมิสูงมากจะเกิดอนุมูลอิสระได้ง่าย จึงเหมาะกับการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนปานกลาง เช่น การผัดไวๆหรือราดบนผักที่ผัดกับนำ้ร้อนมาแล้ว หรืออาจนำมาทำน้ำสลัด - น้ำมันรำข้าว
น้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันพืชชนิดหนึ่ง ผลิตจากรำข้าว มีโอริซานอล ซึ่งสารตัวนี้มีแต่ในรำข้าว สารตัวนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นได้สูง ทำให้ไม่ต้องใส่สารกันหืนในน้ำมันรำข้าว คุณภาพทางโภชนาการของน้ำมันรำข้าวไม่แตกต่างจากน้ำมันถั่วเหลืองนัก - น้ำมันเมล็ดคำฝอย
เป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชที่ใช้ปรุง อาหาร และยังมีกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติและอาหารเพื่อสุขภาพ - น้ำมันปาล์ม
ไม่มีกลิ่นหืนและทอดได้กรอบ เนื่องจากมีกรดไขมันที่มีความอิ่มตัวมากกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นที่กล่าวมา แล้วทำให้น้ำมันปาล์มมีกลิ่นหืนยากกว่า และยังไม่เกิดควันเมื่อผัด หรือทอดอาหารที่อุณหภูมิสูง มีราคาถูกจึงเป็นที่นิยมใช้ในธุรกิจอาหาร แต่ด้วยความที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง และมีกรดไลโนอีกต่ำกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นๆจึงทำให้คอเลสเตอรอลสูงได้ ทางการแพทย์จึงไม่แนะนำ - น้ำมันมะพร้าว
เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก และเป็นไขได้ง่ายเมื่อมีอุณหภูมิต่ำ จึงไม่ค่อยนิยมนำมาปรุงอาหาร แต่จะใช้เพื่อผลิตมาการีนและสบู่ เพราะฉะนั้นใครที่ขอบกล่าวว่าทานนำ้มันมะพร้าวดีไม่มีอันตรายให้ทานได้มากๆไม่เป็นความจริงนะคะ
น้ำมันที่น่าสนใจอื่นๆ
- น้ำมันถั่วลิสง
น้ำมันถั่วลิสงอุดมไปไขมันดีที่ช่วยเพิ่มไขมันดีในเลือด (HDL) ช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูง และเส้นเลือดตีบ มีจุดเดือดที่276 องศา น้ำมันถั่วลิสงมีสัดส่วนกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวในสัดส่วนที่พอเหมาะ ถั่วลิสงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด มี Resveratrol ซึ่งเป็นสารโพลีฟีนอลต้านอนุมูลอิสระ พบได้ยากในพืชชนิดอื่น กรดไขมันเด่นในน้ำมันถั่วลิสง คือ กรดโอเลอิกและกรดไลโนเลอิก และมีกรดอะราชิดิก อยู่สูงกว่า ร้อยละ 1 ในขณะที่น้ำมันอื่นๆ มีกรดไขมันชนิดนี้อยู่น้อยมากน้ำมันถั่วลิสงอาจจะมีข้อเสียในเรื่องของการคงสภาพของน้ำมันที่น้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ ทำให้เกิดไขและเกิดเหม็นหืนได้ง่าย ดังนั้น ก่อนนำมาประกอบอาหารหรือรับประทานควรตรวจสอบกลิ่นและสภาพของน้ำมันถั่วลิสงทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย - น้ำมันกระเทียม
น้ำมันกระเทียมช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดการอุดตันของเส้นเลือด, ลดการเกาะตัวของเกร็ดเลือดได้ 58%, ลดคอเลสเตอรอล, ลดไตรกลีเซอไรด์, ลดความดันโลหิต, เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต นอกจากนั้นยังป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบในกระเทียมจะยับยั้ง การเกิดสารก่อมะเร็งที่ชื่อไนโตรซามีนในร่างกาย ซึ่งช่วยป้องกัน การเป็นมะเร็งได้, สารอีกตัวหนึ่งในกระเทียมชื่อ S-ALLYLMERCAPTO CYSTEINE ช่วยลดอุบัติการการเกิดมะเร็ง ในต่อมลูกหมากถึง 50% ถึงประโยชน์จะเยอะขนาดนี้แต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมนำน้ำมันกระเทียมมาปรุงอาหารนะคะ แต่จะนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารเสริมแคปซูลแทนค่ะ - น้ำมันอโวคาโด
น้ำมันอะโวคาโด Extra Virgin มีรสชาติเฉพาะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว monounsaturates สูงและมีจุดเกิดควันสูง (≥250° C) ทำให้มันเป็นน้ำมันที่ดีสำหรับทอดและสามารถใช้ปรุงอาหารได้แทบทุกชนิดค่ะ น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นจะเป็นสีเขียวมรกตสดใสเนื่องจากมี chlorophylls และ carotenoids ในน้ำมันสูง นอกจากนั้นยังอุดมด้วยวิตามิน A B E D ปราศจากคอเลสเตอรอล และมีลูทีนอีกด้วยค่ะ - น้ำมันงา
น้ำมันงาอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว รวมถึงมีไขมันอิ่มตัวต่ำ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนนั้นดีต่อหัวใจ และช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล น้ำมันงามีจุดเกิดควันที่ประมาณ 400 องศาฟาเรนไฮต์ เราจึงสามารถใช้เพื่อประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท โดยปราศจากสารอันตรายที่ถูกปล่อยออกมาสู่อากาศ
“สุขภาพดีเป็นสุนทรียภาพและความงามคือความสุข”
สนใจ ปรึกษาสอบถามเรื่องสุขภาพได้ที่
ADD US ON LINE
FACEBOOK PAGE
โทร (Call) +662 661 4431
อีเมล์ (E-mail) info@drorawan.com
#drorawan #sukhumvit #docter #skin #holistic #beauty #สุขภาพ #ความงาม #tips
