อยากดูแลผิว อยากให้ผิวใสอ่อนวัย สุขภาพผิวดี?
ไม่อยากป่วยง่าย อยากมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ไม่แพ้ง่าย ไม่ป่วยบ่อย?
อยากนอนหลับลึก ไม่เหนื่อยง่าย?
อยากเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องขึ้นหายปวดเมื่อยอ่อนล้า?
อยากให้สมองทำงานดีขึ้น คิดอ่านจำอะไรได้เร็วและนาน?
อยากเพิ่มภูมิต้านมะเร็ง?
ประโยชน์ที่หมอเกริ่นไปเบื้องต้น คือ ผลลัพท์จากการเข้าคอร์สวิตามินเข้าเส้น หรือ IV Drip Theraray ตามศาสตร์ Orthomolecular Medicine ซึ่งนอกจากจะใช้วิตามินเป็นหลักแล้ว ยังมีส่วนผสมของแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายด้วย
ถ้าใครได้ติดตามข่าวดารานักร้องเมืองนอก อาจจะเคยได้ยินว่านักร้องชื่อดังอย่าง Adele และ Rihanna ต่างก็เข้าคอร์สวิตามินเข้าเส้น เพื่อดูแลเสียงและสุขภาพทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้คอร์สวิตามินเข้าเส้นจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในบ้านเราตอนนี้ด้วย แต่หลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่า คอร์สนี้ได้ผลอย่างไร
วันนี้มารู้ความจริงไปพร้อมๆกัน นะค่ะ
คอร์สวิตามินเข้าเส้น (IV Drip Therapy) คืออะไร?
คอร์สวิตามินเข้าเส้นร่วมกับควันตั้มบำบัด คือ การผสมวิตามินและแร่ธาตุเข้ากับน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสม เฉพาะตามความต้องการของร่างกายของแต่ละบุคคล ร่วมกับการนอนบนเตียงคลื่นควันตั้มที่ช่วยการไหลเวียนโลหิตและขยายหลอดเลือดทั่วร่างกายได้พร้อมๆกัน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบำบัด
ร่างกายเราจะรับสารเข้าทางเส้นเลือดโดยตรง ซึ่งร่างกายจะสามารถนำไปใช้ได้เลยทันที ผลลัพท์ที่ได้จะเห็นผลเลยภายใน 24 ชั่วโมง และสามารถซึมไปตามทุกเนื้อเยื่อไปตามกระแสเลือดรวมไปถึงเซลล์สมองได้ด้วย
คอร์สวิตามินเข้าเส้นถูกคิดค้นขึ้นโดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ จอห์น เมเยอร์ (Dr. John Myers) เมื่อประมาณปี 1970 สถานพยาบาลบางแห่งจึงยังใช้ชื่อ “Myer’s Cocktail” อยู่นั่นเอง
เวลาในการทำคอร์สวิตามินเข้าเส้นจะใช้เวลาประมาณ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณของวิตามินที่ออกแบบโดยแพทย์สำหรับคนไข้แต่ละคน ปริมาณและเวลาจึงขึ้นอยู่กับความต้องการ และจุดประสงค์ในการรักษา
ข้อดีที่เด่นๆของคอร์สวิตามินเข้าเส้น คือ ร่างกายเราจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุชนิดที่ดูดซึมได้เร็วและร่างกายนำไปใช้ได้เลย ซึ่งจะต่างกันกับอาหารเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุแบบกิน ที่ร่างกายอาจจะได้รับสูงสุดเพียง 30% เท่านั้น (เพราะวิตามินจะสูญเสียไประหว่างเดินทางผ่านระบบทางเดินอาหาร) และวิตามินแบบกินก็มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณ (Dosage) ต่อครั้งด้วย
ดังนั้น การให้วิตามินและแร่ธาตุผ่านทางเส้นเลือด จึงเป็นวิธีที่ร่างกายจะรับสารอาหารที่มีประโยชน์ได้เร็วและมากที่สุด (ประมาณ 90%)
คอร์สวิตามินเข้าเส้น เหมาะกับใคร?
จริงๆแล้ว คอร์สวิตามินเข้าเส้นใช้ได้กับคนไข้ที่มีอาการหรือปัญหาสุขภาพได้หลากหลายมากค่ะ จากรายงานทางการแพทย์คอร์สวิตามินเข้าเส้นมีส่วนช่วยลดอาการหรือป้องกันโรคต่างๆเหล่านี้
- ไข้หวัด
- เจ็ตแล็ก (Jet lag)
- โรคภูมิแพ้ หืดหอบ (Asthma)
- ไมเกรน (Migraines)
- อาการอ่อนล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome) หรือโรคที่มีอาการเหนื่อยง่าย และการฟื้นตัวก็นานกว่าเดิม
- ไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) หรือโรคที่ทำให้มีอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มีผลต่อความจำและสมาธิ
- โรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Muscle Spasm) หรือการที่กล้ามเนื้อหดตัวทันที โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้
- โรคติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ (Respiratory Tract Infections)
- โรคไซนัส (Sinus)
- อาการเจ็บอก(Angina Pectoris)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานไม่ปกติ (ฮอร์โมนไทรอยด์สูง/ต่ำ
- ลดรอยหมองคล้ำที่ผิว
- ความจำเสื่อม
- พาร์กินสัน
- ปวดศีรษะไมเกรน
- วัยทองชายและหญิง
- ป้องกันความเสื่อมฟื้นฟูสุขภาพ Anti-aging
- ล้างท่อเลือดจากคราบคลอเลสตอรอล (Low Density Lipoprotein: LDL) เพื่อให้การไหลเวียนโลหิตไปยังส่วนต่างๆในร่างกายดี ป้องกันและบำบัดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบแตกตัน และช่วยให้หายชาปลายมือปลายเท้าในผู้ป่วยเบาหวานเรื้อรัง
- ช่วยการควบคุมนำ้หนัก เบาหวาน ไขมันในเลือด
นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ยังนิยมเข้าคอร์สวิตามินเข้าเส้นเพื่อเพิ่มพละกำลังก่อนและหลังเดินทางไกล หรือจากการเล่นกีฬาหนักและหลังภาระกิจหนักเครียดๆอ่อนล้า เป็นต้น
การบำบัดควรทำเป็นคอร์ส สัปดาห์ละ1-2ครั้งขึ้นกับปัญหา
แล้ววิตามินและแร่ธาตุชนิดไหนที่นิยมมากที่สุดและดีที่สุด?
สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือต้องให้แพทย์ผู้เขี่ยวชาญเป็นคนออกแบบคอร์สที่เหมาะสมให้กับคนไข้และคอยสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงและปรับสูตรวิตามินทุกครั้ง
วิตามินและแร่ธาตุที่นิยมใช้มากที่สุด คือ
- วิตามินซี (Vitamin C)
- วิตามินบี (Vitamin B)
- แมกนีเซียม (Magnesium)
- แคลเซียม (Calcium)
- กรดอะมิโน (Amino Acids)
- สารกลูต้าไธโอน (Glutathione)
- สารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล
การปรึกษาและพูดคุยกับคุณหมอถึงวัตถุประสงค์ในการเข้าคอร์สวิตามินควรแจ้งอาการและวัตถุประสงค์ต่างๆให้ชัดเจน เพื่อที่แพทย์จะได้ออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลค่ะ
คอร์สวิตามินเข้าเส้น น่ากลัว อันตรายหรือมีผลข้างเคียงไหม?
แน่นอนว่าเมื่อเราใช้เข็มเแทงเข้าไปในเส้นเลือด ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อย่อมเกิดขึ้นได้ เราจึงต้องเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ และสถานพยาบาลต้องสะอาด ได้มาตรฐาน
ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ขึ้นอยู่ปัญหา สภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูง
ผู้ป่วยโรคไตและคนที่แพ้ยาจะต้องได้รับการการดูแลเป็นพิเศษคะ และต้องแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
จากประสบการณ์ตรงที่สอบถามคนไข้ๆจะรู้สึกสดชื่น มีพลังมากขึ้น และสุขภาพผิวก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความจำ และคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นมากจนคนข้างเคียงทักและเห็นความเปลี่ยนแปลงค่ะ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share ด้วยนะค่ะ ❤
Photo: Freepik