fbpx

ทำไมความตายจึงเป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้ ?

พฤศจิกายน 28, 2019
ความตาย

คำตอบคือ เพราะมันคือความจริงแท้ของชีวิต ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร วันนี้หรือพรุ่งนี้ก็อาจเป็นได้ แต่คนเรากลับพยายามทำเป็นหลงลืมหรือไม่อยากนึกถึงความตายเพราะกลัว จนทำให้เราไม่กล้าเผชิญหน้ากับความตาย

มีภาษิตทิเบตพูดไว้น่าฟังว่า ไม่มีใครรู้หรอกว่าพรุ่งนี้กับชาติหน้าอะไรจะมาถึงก่อนเราอย่าไปคิดว่าจะมีพรุ่งนี้นะ บางทีอาจจะไม่มีพรุ่งนี้ก็ได้ เพราะชาติหน้าอาจจะมาถึงก่อน ใครจะไปรู้ว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของเรา

เมื่อเราฉุกคิดขึ้นมาได้แล้วเกี่ยวกับความตาย มันจะดีอย่างไร ? คำตอบคือ

๑. ทำให้เราลงมือขวนขวายในเรื่องที่เคยผัดผ่อน

เราส่วนใหญ่ก็เป็นคนดี มีความคิดอ่าน เรารู้ว่าอะไรควรทำ แต่เรามักจะผัดผ่อน เช่น การดูแลคุณพ่อคุณแม่ การอบรมลูก และการปฏิบัติธรรมะ เราผัดผ่อนเพราะหลงคิดว่ายังมีเวลาเหลือเฟือ บางทีคุณพ่อคุณแม่แก่มากแล้ว เราก็คิดว่าไม่เป็นไร เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปเยี่ยมท่าน วันนี้ขอทำงานก่อน ทำไมถึงต้องขอทำงานก่อน ก็เพราะใกล้ถึงเส้นตายแล้ว

คนในยุคสมัยปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ เรามีเส้นตายเยอะเหลือเกิน มีเส้นตายไปเสียทุกเรื่องเลย เราต้องรีบทำทุกอย่างให้ทันเส้นตาย โดยลืมคิดไปว่าบางเส้นตายสำคัญ บางเส้นตายไม่สำคัญ และเส้นตายที่แท้จริงที่สุดนั้นคืออะไร

คุณอาจจะคิดว่าคืนนี้ห้างดังมีมิดไนท์เซลส์เป็นคืนสุดท้าย ต้องรีบไปเสียก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมพ่อแม่ บางคนอยากจะปฏิบัติธรรม กำลังจะเริ่มนั่งสมาธิแล้ว แต่พอดูนาฬิกาก็นึกขึ้นได้ ละครเรื่องโปรดมาพอดี ขอดูละครก่อน นั่งสมาธิเอาไว้ทีหลัง เพราะเราคิดว่าเรายังมีเวลาเหลือเฟือ พรุ่งนี้ทำก็ได้ เช่นเดียวกัน เราอยากคุยกับลูก แต่ก็มีเรื่องรีบด่วนให้ทำ ก็เลยผัดเรื่องลูกเอาไว้ก่อน แล้วก็ผัดไปเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาคุยกับลูกเลย

ถ้าคิดเรื่องความตายให้ดีๆ เราจะรู้ว่าไม่แน่นะ วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของเราก็ได้ หรือวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของพ่อแม่ก็ได้ เรามีเวลาเล่นอินเตอร์เน็ต มีเวลาเล่นเฟซบุ๊ก แต่เรามักไม่มีเวลาทำสิ่งสำคัญจริงๆ ในชีวิตก็เพราะชอบผัดผ่อนนี่แหละ แต่ถ้าเราคิดถึงความตายที่อาจจะมาวันนี้วันพรุ่งนี้ เราจะหันมาทำสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ผัดผ่อนอีกต่อไป

๒. ให้อภัยได้ง่ายขึ้น และ ทำให้เราปล่อยวางสิ่งที่ชอบยึดติด

เคยเป็นไหม เวลาของหาย เสียใจเป็นวรรคเป็นเวร ลืมโทรศัพท์ไว้บนรถแท็กซี่ หรือทำกระเป๋าสตางค์หล่นหาย กุมขมับเลยว่าแย่แล้ว ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ลองคิดถึงความตายดู แล้วจะรู้ว่า อย่าว่าแต่โทรศัพท์มือถือหายเลย อย่าว่าแต่เงินหายเลย หนักกว่านี้ก็ยังเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความตาย เพราะเมื่อเราตายเราจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด การคิดเรื่องความตายทำให้เราปล่อยวางเรื่องเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

หรือในกรณีที่เราทะเลาะกับใครสักคน เพียงเพราะเขาไม่เป็นอย่างที่เราคิด ไม่ทำอย่างที่เราต้องการ เห็นแล้วโกรธเกลียดทนไม่ได้ ถ้าเรานึกถึงความตาย นึกว่าพรุ่งนี้เขาอาจจะไม่อยู่กับเราแล้วนะ ความโกรธ ความเกลียดชังจะหายไปมากเลย เราจะปล่อยวางได้มากขึ้น การทะเลาะเบาะแว้งกันจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก

ถ้าคนเราอยู่ยั้งยืนยง เราจะหลงยึดติดกับอะไรมากมาย ยึดติดตัวตน ยึดติดทรัพย์สิน เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ
แต่ถ้าเรารู้ว่าอย่างไรเสีย สักวันเราก็ต้องตาย ทุกอย่างก็จะดูเล็กน้อยไปเลย ในเมื่อสักวันเราต้องพรากจากสิ่งเหล่านี้ จะยึดมั่นไปทำไม ในเมื่อสักวันเราก็ต้องจากกันจะโกรธกันไปทำไม

๓. ทำให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีมากขึ้น

คนเรามักจะเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ เมื่อสูญเสียมันไป ตอนที่ยังอยู่กับเราก็ไม่เห็นคุณค่า ยกตัวอย่างสามีภรรยา ตอนที่อยู่ด้วยกันก็เอาแต่ทะเลาะกัน แต่พอฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป อีกคนก็มานั่งเสียใจว่าทำไมเราไม่รักเขาให้มากกว่านี้ หรือไม่ก็นึกชมว่าเขาเป็นคนดีเหลือเกิน ไม่น่าจากไปเลย

สุขภาพก็เป็นอีกเรื่องที่เราไม่เคยเห็นค่า เวลาปกติก็ไม่สนใจดูแลรักษาสุขภาพ แต่พอเริ่มแก่ตัวลง เริ่มมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมา ถึงได้ตระหนักว่าสุขภาพนี่สำคัญที่สุด เราจะเห็นคุณค่าของสุขภาพก็ต่อเมื่อล้มป่วย ตอนที่เรามีมือมีแขนครบ เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไร มัวแต่อยากได้โน่นอยากได้นี่ แต่พอต้องเสียมือเสียแขนไป ถึงจะมารู้สึกว่าแค่มีแขนมีขาครบก็ดีที่สุดแล้ว

ถ้าเราไม่ต้องตาย วันแต่ละวัน เวลาแต่ละวินาที ก็จะดูไม่มีค่า
เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เห็นค่าของเวลา ตรงกันข้ามกับคนป่วยหนักหรือเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่จะเห็นค่าของวันเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเช้าวันใหม่ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วที่วันนี้ยังไม่ตาย ยังมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ
ความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีกับวัยรุ่นหรือแม้แต่คนทั่วไป เพราะเขาคิดว่ายังมีเวลาเหลือเฟือให้โลกนี้

ความสุขจะหาได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าเราตระหนักว่าเราต้องตายไม่ช้าก็เร็ว มีบางคนที่ทุกเย็นเมื่อได้เห็นหน้าลูก หน้าสามีภรรยา แค่นี้เขาก็มีความสุขและขอบคุณชีวิต ในขณะที่หลายคนกลับมีความสุขยากเหลือเกินต้องการโน่น ต้องการนี่ ตัวเองมีอยู่แล้วก็ไม่พอ ก็เพราะเขาลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องตาย ไม่ว่าจะได้อะไรมา สักวันหนึ่งก็ต้องสูญเสียมันไป

ความตายถึงแม้อยู่ไกลไปอีกหลายวัน แต่การตระหนักรู้ถึงความตายอยู่เสมอ ทำให้เราอ่อนโยน ปล่อยวาง และสงบลง เราจะอ่อนโยนกับผู้คนรอบตัวมากขึ้น ถ้าคิดว่าพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วก็ได้นะ ที่เราด่ากัน ทะเลาะกัน ไม่ถนอมน้ำใจกันก็เพราะเราหลงคิดว่าเราจะยังต้องเจอกันอีกนาน

ระลึกถึงความตายแม้ยังมีชีวิตอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ดีงาม มันทำให้เราทบทวนพิจารณาตนเองว่า เราทำความดีมาพอหรือยัง เราได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าที่ได้เกิดมาไหม ทำประโยชน์สูงสุดหรือยัง
เราได้ทำหน้าที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นหรือยัง ไม่ว่าหน้าที่ต่อพ่อแม่ ต่อลูกและต่อตัวเอง

พระไพศาล วิสาโล

Dr.Orawan

“สุขภาพดีเป็นสุนทรียภาพและความงามคือความสุข”

สนใจ ปรึกษาสอบถามเรื่องสุขภาพได้ที่

ADD US ON LINE
FACEBOOK PAGE
โทร (Call) +662 661 4431
อีเมล์ (E-mail) info@drorawan.com

#drorawan #sukhumvit #docter #skin #holistic #beauty #สุขภาพ #ความงาม #tips #อาหาร

Related Blogs/บทความที่น่าสนใจ

Posted by Dr. Orawan | พฤษภาคม 31, 2023
หัวไชเท้า ทานอาหารเป็นยา
หัวไชเท้า ❤️ เมื...
Posted by Dr. Orawan | พฤษภาคม 31, 2023
HIIT ( high intensity interval training )
HIIT ( high intensity interval...
Posted by Dr. Orawan | ธันวาคม 20, 2022
ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือช่วงที่ความมั่นใจในตัวเองพุ่งถึงขีดสูงสุด
ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือช่ว...